จิก ประภาส เขียนเล่าเรื่อง ตั้ว ศรัณยู ยกเพื่อนเป็นพระเอกตลอดกาล

บันเทิง

หลังจากจากไปอย่างกะทันหันของ ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ทำให้คนในวงการออกมาโพสต์อาลัยเล่าเรื่องราวความประทับใจของ ตั้ว กันเพียบเลยทีเดียว เช่นเดียวกับศิลปินแห่งชาติ นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง และยังเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับ ตั้ว อีกด้วยอย่าง จิก ประภาส ชลศรานนท์ ได่ออกมาโพสต์ข้อความยาวเหยียดถึงเพื่อนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้วว่า ” พระเอกตลอดกาลสี่สิบสองปีก่อนเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งเพิ่งมารู้จักกัน หัวหกก้นขวิดเป็นเพื่อนกัน

คบกันโดยไม่ต้องสัญญิงสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต แม้ผ่านมาถึงวันนี้มันจะเป็นอย่างนั้นในกลุ่มเด็กถาปัดกลุ่มหนึ่งที่แต่งเนื้อแต่งตัวมอมแมม เดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ ที่เมื่อเดินผ่านไปทางไหน นิสิตหญิงมักจะเดินเลี่ยงออกห่างๆ ไม่รู้จะเป็นด้วยกลิ่นตัวที่เหมือนกับอาบน้ำมาไม่ค่อยสะอาดนัก หรือจะเป็นด้วยผมเผ้าที่ยาวประบ่าจนบุคลิกดูน่ากลัวมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดดเด่นกว่าใครๆในกลุ่มหนุ่มขี้หมาก้อนนั้น

ใครจะไปคาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเติบโตมาเป็นพระเอกแห่งยุคของประเทศไทยในวันหนึ่งข้างหน้าในวันนั้น แม้จะแต่งตัวปอนๆ แต่ความปอนไม่อาจบดบังวงหน้าที่ได้รูปของเขา รวมไปถึงรูปร่างที่สูงโปร่งเกินเด็กหนุ่มด้วยกันเพื่อนๆนอกจากจะเรียกชื่อเล่นของเขาว่าตั้ว พวกเรายังเรียกหยอกเพื่อนคนนั้นว่า ไอ้พระเอกจะว่าไปเขาเป็นพระเอกจริงๆ พระเอกในแบบที่เราจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเท่ แมน ลูกผู้ชาย

ในแบบที่ผู้ชายเห็นแล้วอยากเข้าไปโอบไหล่แรงๆ และในแบบที่ผู้หญิงเห็นแล้วแอบยิ้มให้ตั้ว เป็นที่รักของเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาไม่เอาเปรียบใคร มีน้ำใจ มีสปิริตเป็นยอด แทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เมื่อเพื่อนขอความช่วยเหลือ หรือรุ่นน้องชักชวนให้ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมแล้วตั้วไม่รับปาก ไม่ว่าจะเป็นงานระดับคณะหรืองานระดับมหาวิทยาลัยเราจึงเห็นตั้วเล่นรักบี้อยู่กองหน้าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน

ไปค่ายอาสาพัฒนาถือค้อนปีนป่ายอยู่บนโครงหลังคาอาคารเรียนที่กำลังสร้างแทบทั้งวัน ขึ้นโต้วาทีกับนิสิตต่างคณะ เป็นหัวหอกนำรุ่นน้องไปสร้างเต้นท์หรือแลนด์มาร์คในกิจกรรมของคณะและเมื่อถาปัดทำละครเวทีเพื่อหาเงินให้คณะ ใครเล่าจะเหมาะสมเป็นพระเอกได้เท่าตั้วสามก๊ก โชกุน น่านเจ้า ละครถาปัดที่ตั้วยึดตำแหน่งพระเอกไว้ทั้งหมดรวมไปถึงไปช่วยเล่นเป็นพระเอกให้ละครฝั่งอักษรศาสตร์อีกหลายเรื่องเมื่อเรียนจบ

ตั้วก็ยึดเอาการแสดงเป็นอาชีพและต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งจนหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งของเมืองไทยตั้วให้ความสำคัญกับอาชีพนักแสดง เขาเคารพและตั้งใจกับมันเหมือนกับอาชีพอื่นๆ เหมือนกับชาวนาที่ซื่อสัตย์กับท้องนาตัวเอง เหมือนกับชาวประมงที่รักท้องทะเลในกองถ่ายภาพยนตร์และละคร ภาพของตั้วที่ปลีกตัวไปนั่งศึกษาบทเพียงลำพังไม่มานั่งตั้งก๊วนเฮฮา จึงเป็นภาพคุ้นตาแม้แต่ละครเวที

ตั้วก็มักจะหายไปก่อนการแสดงเพื่อทำสมาธิให้พร้อมกับการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นเสมอพวกเราจึงเห็นตั้วสามารถสวมวิญญาณเป็นผู้คนได้มากมายในบรรณพิภพอย่างสนิทใจชายผู้นี้เป็นทั้งชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์อย่างชายกลาง เป็นไอ้หนุ่มลูกทุ่งนามว่าไอ้คล้าว เป็นดอน กิโฆเต้ เป็นกามนิต เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ เป็นโดมผู้จองหอง เป็นผู้กองศยาม เป็นอานนท์ของเจ้าสาว เป็นคุณหลวงอัครเทพวรากร

และแม้แต่สุธีสามสี่ชาติ ตั้วก็เคยเป็นสิ่งเดียวที่ผมเห็นในตัวเขาที่ทำให้เขาเป็นเอกในการแสดงก็คือเมื่อเขาพูดประโยคใดออกมา ไม่ว่าจะในนามของตัวละครใดในวรรณกรรมเราจะเชื่อทันทีว่าเขาเป็นดั่งนั้นเพราะเขาเชื่อในตัวละครเราจึงเชื่อในตัวเขา เราจึงร้องไห้ไปกับเขา เราจึงหัวเราะไปกับเขาได้อย่างมีความสุขเสมอถึงวันนี้แล้ว ตั้วถูกยอมรับให้เป็นคุรุทางการแสดงคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นอาชีพครูสอนการแสดงโดยตรง

แต่ลูกศิษย์ลูกหาของตั้วถึงทุกวันนี้นั้นมีไม่น้อยมากกว่าอะไรทั้งหมดคือ ตั้วไม่มีค่าย ตั้วไม่ชอบสังกัด เขาจึงสามารถร่วมงานกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับชาติอย่างท่านมุ้ย หรือนักศึกษาที่เพิ่งหัดกำกับละครเวทีเล็กๆที่มีคนดูเพียงไม่กี่ร้อยคน เขาให้ความสำคัญกับทุกคนเสมอกันผมจึงว่าเขาจึงเป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอผมกับตั้วคลุกคลีตีโมงกันอย่างหนักก็ประมาณห้าปีที่ร่ำเรียนที่สถาปัตย์

พวกเราไปกินนอนอยู่ที่บ้านเขาก็พักใหญ่ รวมไปถึงการได้ไปตะลอนเที่ยวต่างจังหวัด ไปทำละคร เล่นกีฬา ไปค่าย และตั้งวงดื่มสุราตามวิสัยคนหนุ่มหลังจากเรียนจบ แม้จะอยู่วงการเดียวกัน แต่เราแทบไม่ได้ร่วมงานกันเลย ผมมุ่งไปด้านดนตรีแต่งเพลงเขียนหนังสือ ส่วนตั้วก็สะสมสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซอยู่ตลอด จนเพื่อนๆภูมิใจแทนได้มาร่วมงานกันจริงๆก็คราวทำละครเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องพ่อซึ่งตั้วมารับบทพระเอกตอนที่ชื่อว่าชีวิตที่พอเพียง

และเป็นตอนที่นำพาละครไปคว้ารางวัลยอดเยี่ยมเอเชี่ยนเทเลวิชั่นอวอร์ดที่สิงคโปร์ ใครที่ได้ดูละครเรื่องนี้ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พลังของตั้วนั้นมีมากมายจริงๆเมื่อเราต่างมีครอบครัว มีงานมีบริษัทที่แยกย้ายสาขากันไปนานๆทีก๊วนคนหนุ่มก้อนขี้หมากลุ่มนั้นก็จะมาพบปะเฮฮากัน ได้พูดจากันเหมือนครั้งยังเป็นเด็กสักทีในช่วงที่ตั้วเป็นพระเอกแห่งยุค เพื่อนๆอาจจะเจอเขาน้อยหน่อย และก็เข้าใจได้ว่างานการของนักแสดง

เป็นงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เมื่อกองถ่ายขอคิวด่วนมา เป็นธรรมดาที่นักแสดงที่รักการแสดงจริงๆและอยากให้ผลงานออกมาดีก็มักจะเสียสละความเป็นส่วนตัวและรีบรับคิวไปทำงานก่อนสองสามปีก่อน เราเพิ่งเลี้ยงปีใหม่กัน และก็ได้กลับมาพูดจาไร้สาระเหมือนครั้งยังเป็นรุ่นกระทงกันอีก ตั้วยังเหมือนเดิม เป็นที่รักของเพื่อน ไม่เคยถือตัว พวกเราสนุกกันจนบางทีผมก็นึกขันว่า

ชายวัยกลางคนที่ยังสง่างามคนนี้คนที่ยืนหัวเราะตบบ่าเพื่อนอย่างสนุกอยู่ข้างหน้านี้คือ พระเอกแห่งยุคคนหนึ่งของสยามผมถามตั้วในวันนั้น ระหว่างที่พักหัวเราะกับเกมสนุกๆที่เราเล่นกัน“งานเป็นไงบ้าง วางแผนอะไรไว้”ตั้วตอบสั้นๆแบบไม่ต้องคิด“ยังสนุกอยู่ แผนวางไม่เยอะ แต่ดีใจที่ยังมีคนเสนอบทที่ท้าทายมาให้เล่นอยู่”ตั้วเป็นพระเอกตลอดกาลของผมจริงๆแม้แต่วันจะลาไป

ตั้วก็ไปแบบพระเอก ไปแบบไม่ให้ใครเดือดร้อน ไปแบบไม่ให้ใครตั้งตัวไปแบบพระเอกที่เคยช่วยนางเอก แล้วตอนจบก็ขี่ม้าออกไปจากหมู่บ้านอย่างมีความสุขแม้จะเศร้าเหงาไปสักหน่อย แต่พระเอกคนนี้คงอยากให้พวกเราเก็บน้ำตาไว้ เก็บพลังใจไว้ เก็บสิ่งดีๆที่เขาสร้างไว้เป็นความทรงจำตลอดไป ”

ขอบคุณข้อมูล : Prapas Cholsaranon